ส.ส่งเสริมการเลี้ยงไก่ฯ จัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติฯพระอัจฉริยภาพด้านการดนตรี 2 กษัตริย์ไทย…..
สมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดนิทรรศการแสดงพระอัจฉริยภาพด้านการดนตรี ของในหลวงไทย 2 พระองค์ เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เพลงพระราชนิพนธ์ สายฝน หรือ Falling Rain บรรเลงครั้งแรกในงานรื่นเริงของสมาคมฯ เมื่อปี 2489.....
นางฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือฉวีวรรณ เผยว่า เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและเทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ของไทย รวมทั้งเผยแพร่พระอัจฉริยภาพที่งดงาม และความสามารถที่โดดเด่นด้านการดนตรีของทั้ง 2 พระองค์ สมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยฯ จึงจัดนิทรรศการภาพถ่ายขณะทรงดนตรี บริเวณภายในอาคารประชุมหมู่บ้านพนาวัลย์ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนที่สนใจเข้าชมกัน ซึ่งนิทรรศการนี้จะจัดแสดงจนกว่าสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยฯ จะมีกิจกรรมใหม่เข้ามา และผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่สมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยฯ หรือที่ บริษัทในเครือฉวีวรรณ.....
สมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ( รัชกาลที่ 8) ให้อยู่ในพระราชูปถัมภ์ หลังเกิดการรวมกลุ่มกันของข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่ ที่มีแนวคิดส่งเสริมการเกษตรของไทยให้พัฒนา และได้จัดประชุมร่วมกันเป็นประจำทุกเดือนหลังมีการก่อตั้งสมาคมฯ ซึ่งในปี 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในขณะทรงเป็นพระอนุชาธิราช ได้ทรงโปรดเกล้าฯ เพลงสายฝน แล้วให้สมาคมฯ บรรเลงเป็นครั้งแรกในงานลีลาศ ซึ่งจัดขึ้นที่สวนอัมพร.....
นางฉวีวรรณ เผยต่อว่า เพลงสายฝน มีความหมายกับภาคการเกษตรปศุสัตว์ของไทย เพราะนอกจากเนื้อร้องและทำนองที่มีความไพเราะมากแล้ว เนื้อเพลงที่ว่า “เมื่อลมฝนบนฟ้ามาลิ่ว” หมายถึงฝนที่ตกลงมาทำให้ภาคเกษตรมีความสดชื่น เกษตรก็ดีใจ เพราะภาคเกษตรและปศุสัตว์ต้องการฝน เช่นเดียวกับ เพลงใกล้รุ่ง ที่เป็นอีกหนึ่งเพลงพระราชนิพนธ์ ที่สมาคมฯ ได้รับพระราชทาน ซึ่ง เพลงใกล้รุ่ง มีความสำคัญสำหรับภาคการเกษตรปศุสัตว์ โดยเฉพาะกลุ่มผู้เลี้ยงไก่ เพราะเนื้อเพลงที่ว่า “ได้ยินเสียงแว่วดังแผ่วมาแต่ไกลไกล” ทำให้นึกถึงเสียงของไก่ที่ร้องในยามเช้า กลุ่มผู้เลี้ยงไก่จึงนิยมนำเพลงนี้มาขับร้อง และมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก
และด้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่พระองค์ทรงพระราชทาน ทำให้สมาคมฯ ได้พัฒนาจากคนเลี้ยงไก่เล็กๆ น้อยๆ สู่การเป็นผู้ผลิตรายใหญ่จนกลายเป็นครัวของโลก สามารถส่งออกจนนำเงินตราเข้าประเทศปีหนึ่งหลายหมื่นล้านบาท และที่ผ่านมาสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยฯ ก็ได้จัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยการจัดกิจกรรม “องค์อัครศิลปิน หนึ่งเดียวในโลก” ถวายแด่พระองค์ ส่วนการสืบสานพระราชปณิธานนับจากนี้ คือ “การมุ่งมั่นทำดีเพื่อพ่อ” รวมถึงดำเนินงานตามสิ่งที่พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ และทรงเคยพระราชทานไว้…..
ทั้งนี้ บทเพลง สายฝน หรือ Falling Rain เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ ลำดับที่ 3 ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ.2489 ขณะทรงเป็นพระอนุชาธิราช โดยเป็นงานทดลองของพระองค์ในจังหวะวอลท์ซ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาไทย ส่วนภาษาอังกฤษ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ทรงแต่งร่วมกับ ท่านผู้หญิงนพคุณ ทองใหญ่ ณ อยุธยา......
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เคยรับสั่งถึงความลับของเพลงนี้ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2524 ว่า “เมื่อแต่งเป็นเวลา 6 เดือน ม.จ.จักรพันธ์เพ็ญศิริ ได้เขียนจดหมายถึง บอกว่ามีความปลาบปลื้มอย่างหนึ่ง เพราะไปเชียงใหม่ เดินไปตามถนนได้ยินเสียงคนผิวปากเพลงสายฝน ก็เดินตามเสียงไป เข้าไปในตรอกซอยแห่งหนึ่ง ก็เห็นคนกำลังซักผ้า แล้วก็มีความร่าเริงใจ ผิวปากเพลงสายฝนและซักผ้าไปด้วย ก็นับว่าสายฝนนี้มีประสิทธิภาพสูงซักผ้าได้สะอาด..ที่จริงความลับของเพลงมีอย่างหนึ่ง คือเขียนไป 4 ช่วง แล้วก็ช่วงที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 เสร็จแล้ว เอาช่วงที่ 3 มาแลกช่วงที่ 2 กลับไป ทำให้เพลงมีลีลาต่างกันไปเป็น 1 3 2 4”…..
|
|
|