เจออีก!!แพลงก์ตอนบูมทำพิษ ปลาหน้าอ่าวแหลมฉบังลอยตายเกลื่อน ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง
เจออีก!! ปรากฎการณ์แพลงก์ตอนบลูม น้ำทะเลเป็นสีเขียว ส่งผลให้ปลาและสัตว์น้ำหน้าอ่าวแหลมฉบังลอยตายเกลื่อนชายหาด ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
วันนี้ (3 ส.ค. 2561) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุการณ์แพลงก์ตอนบลูม หรือขี้ปลาวาฬ ทำน้ำทะเลเป็นสีเขียวขุ่น ส่งกลิ่นเหม็น และมีสัตว์น้ำลอยตายเกยชายหาดบ้านแหลมฉบังเก่า ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา เป็นจำนวนมาก จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าบริเวณชายทะเลมีกลิ่นเหม็นจากน้ำทะเลจริง และพบว่ามีปลาหน้าดิน เช่นปลากระบอก ปลาปักกะเป้า ปลากระทงเหว ปลาทูแขก แมงกะพรุน ลอยตายเกยชายหาดเป็นจำนวนมากตลอดแนวชายหาด รวมทั้งน้ำทะเลก็กลายเป็นสีเขียวเข้มนักท่องเที่ยวไม่สามารถลงเล่นน้ำได้ จนต้องใช้ผ้าปิดจมูกป้องกันกลิ่นกันทีเดียว โดยสาเหตุอาจมาจากก่อนหน้านี้ที่ในพื้นที่นั้น มีสภาพอากาศแปรปรวนและมีคลื่นลมแรง ทำให้คลื่นที่แรงซัดแพลงก์ตอนสีเขียวในน้ำทะเลที่มีเป็นจำนวนมากนั้นเสียและลอยขึ้นมา จนทำให้น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีเขียวและยังส่งผลให้ออกซิเจนในน้ำน้อยลง เป็นเหตุให้สัตว์ทะเลชายฝั่งขาดออกซิเจนและตายบ้าง แต่หลังจากคลื่นลมสงบแล้วประมาณ 5-6 วัน น้ำทะเลที่เป็นสีเขียวเข้มและมีกลิ่นก็จะกลับมาเหมือนเดิม
นายวีระศักดิ์ แจ้งการ ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ร่วมกับบริษัทกัสโก้ เพื่อเข้าตรวจสอบพื้นที่รับแจ้งไปพร้อมให้เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างน้ำ ตั้งแต่จุดที่ปล่อยน้ำเสียซึ่งผ่านการบำบัดและปากอ่าวมาตรวจสอบ พบว่าค่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นบริเวณปากอ่าวที่ค่า DO ต่ำ และตรวจสอบข้อมูลระดับน้ำทะเลขึ้นลงของวันที่ 3 ส.ค. 61 พบว่าเมื่อเวลา 8.07 น. เป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูงสุดทำให้น้ำทะเลย้อนเข้ามาในคลองปากอ่าว ซึ่งประกอบกับมีข้อมูลข่าวสารว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนมีปรากฏการณ์ แพลงก์ตอนบลูม ในทะเลของบางแสนและบางพระ แล้วอาจจะส่งผลมาถึงพื้นที่แหลมฉบัง และให้เกิดปรากฏการณ์เดียวกัน ทำให้ปลาทะเลไม่สามารถทนกับสภาพน้ำทะเลที่เปลี่ยนแปลงไปได้ เพราะปลาที่ตายมีเฉพาะพื้นที่ปากอ่าวและชายหาดแหลมฉบังเท่านั้น
สำหรับ ปรากฏการณ์นี้เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในแหล่งน้ำที่มีปริมาณธาตุอาหารจำพวก สารประกอบฟอสฟอรัสและไนโตรเจน ซึ่งธาตุอาหารเหล่านี้จำเป็นต่อการเจริญเติบโตสำหรับแพลงตอนพืชและสาหร่ายอันเป็นแหล่งอาหารขึ้นต้นของห่วงโซ่อาหาร ซึ่งธาตุอาหารเหล่านี้จะไปกระตุ้นให้พืชสีเขียวในลำน้ำมีการสังเคราะห์แสงได้มากขึ้น และเจริญเติบโตแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้น ในช่วงเวลากลางวัน แหล่งน้ำที่เกิดปรากฏการณ์ยูโทรฟิเคชั่นจะมีปริมาณออกซิเจนละลายน้ำสูงเกินกว่าขีดความเข้มข้นสูงสุด แต่ตอนกลางคืนระดับออกซิเจนก็จะลดลงบางแห่งเป็นมากอาจลดลงถึงศูนย์ ในกรณีเช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในแหล่งน้ำนั้น จนอาจทำให้สัตว์น้ำตายในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนเดียว
|
|
|