ตำรวจบ่อวิน ตามรวบคนร้ายก่อเหตุลักโทรศัพท์ในห้างดังบ่อวินข้ามจังหวัดมาดำเนินคดี
ตำรวจบ่อวิน ตามรวบโจรแสบลูกครึ่งไทย พม่า ข้ามจังหวัด หลังเข้าไปก่อเหตุลักขโมยโทรศัพท์มือถือ ภายในห้างดังบ่อวิน ไปกว่า 50 เครื่อง โดยตรวจสอบยังพบหมายจับ 2 หมาย คดีอาญาติดตัวอีก 2 คดี ในขณะที่ทางด้านผู้เสียหายยังขอชื่นชมและขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ที่ทำงานและติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้อย่างรวดเร็วสร้างความอุ่นใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก
วันนี้(11 พ.ค. 2562) พ.ต.อ.ปพนพัชร์ ใบยา ผกก.สภ.บ่อวิน จ.ชลบุรี ,พ.ต.ท.เกริกฤทธิ์ สายวรรณะ รอง ผกก.ป.สภ.บ่อวิน ,พ.ต.ท.ณรงค์เดช ตนะพูนสิน รอง ผกก.สส.สภ.บ่อวิน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดสืบสวน สภ.บ่อวิน ได้ควบคุมตัวนายประสิทธิ หรือเปี๊ยก ใจเสียสุ อายุ 19 ปี เป็นลูกครึ่งไทย พม่า อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่1 ต.หนองหลวง อ.อุ้มผาง จ.ตาก และนาย เอ นามสมมุติ อายุ 17 ปี พร้อมด้วยของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือหลากหลายรุ่น จำนวน 28 เครื่อง รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า 125 สี เทาดำ หมายเลขทะเบียน กลว - 311 พิษณุโลก กลับมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนและรับของโจร หลังก่อเหตุลักขโมยโทรศัพท์มือถือ จำนวน 50 เครื่อง เงินสด ประมาณ 10,000 บาท ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง สาขาบ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี แล้วหลบหนีไป ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดในห้างสามารถบันทึกภาพคนร้ายที่ก่อเหตุไว้ได้อย่างชัดเจน โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
หลังจากที่เกิดเหตุ พ.ต.อ.ปพนพัชร์ ใบยา ผกก.สภ.บ่อวิน จึงได้เรียกชุดสืบสวนประชุมและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ลงพื้นที่ติดตามตัวคนร้ายโดยทันที จนกระทั่งสืบทราบมาว่า นายประสิทธิ หรือเปี๊ยก ใจเสียสุ เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ ได้แอบลักลอบเข้ามาซ่อนตัวอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าดังกล่าว ก่อนจะฉวยโอกาสลงมือก่อเหตุงัดร้านขายโทรศัพท์มือถือ และได้โทรศัพท์มือถือไปหลากหลายรุ่น จำนวน 50 เครื่อง รวมถึงเงินสดตามร้านอีกประมาณ 10,000 บาท
จนกระทั่งในช่วงเช้าเวลา 08.10.น. ของวันที่ 2 พฤษภาคม นายประสิทธิ หลังก่อเหตุในห้างแล้วได้ทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเดินลากกระเป๋าไปขึ้นรถจักรยานยนต์ รับจ้างที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าหลบหนีไปขึ้นรถโดยสารประจำทาง ที่บริเวณตลาดสดบางพระ ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี แล้วไปลงที่บริเวณห้างสรรพสินค้าเฉลิมชัย อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะนำโทรศัพท์มือถือที่ลักขโมยมาไปขายตามร้านรับซื้อ จำนวน 10 เครื่อง ก่อนจะร่วมกับนาย เอ นามสมมุติ อายุ 17 ปี หลบหนีไปยังพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์เพื่อหลบซ่อนตัว
ต่อมาวันที่ 10 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.บ่อวิน สืบทราบว่า นายประสิทธิ และนายเอ ได้พากันหลบหนีไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 255/2 หมู่2 ต.กุดไร่ อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ แน่ชัด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามไปควบคุมตัวไว้ได้พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือหลากหลายรุ่น จำนวน 28 เครื่อง ,รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า 125 สี เทาดำ หมายเลขทะเบียน กลว - 311 พิษณุโลก แล้วนำตัวพร้อมของกลางกลับมาสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งที่ สภ.บ่อวิน
ซึ่งจากการตรวจสอบทางเจ้าหน้าที่สอบสวนยังพบประวัติของนายประสิทธิ์ ใจเสียสุ ที่มี หมายจับติดตัวจำนวน 2 หมายจับ อาทิ หมายจับศาลจังหวัดชลบุรี แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ที่ 2/2560 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ,หมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 8/2560 วันที่ 31 มีนาคม 2560 ความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และมีคดีอาญา อีก 2 คดี เช่น เมื่อปี 2559 ต้องโทษคดีลักทรัพย์ สภ.ดอนหัอฬ่อ จ.ชลบุรี และ ปี 2560 ต้องโทษคดีลักทรัพย์ สภ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ส่วนนายเอ นามสมมุติ อายุ 17 ปี มีคดีอาญา ปี 2560 ต้องโทษคดีลักทรัพย์ สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี
นายประสิทธิ ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง โดยก่อเหตุมาแล้วหลายต่อหลายแห่ง และเมื่อได้ทรัพย์สินมาก็จะนำไปแปลงสภาพเป็นเงินสด เพื่อนำมาใช้เที่ยวเตร่ไปวันๆ พอเงินหมดก็จะออกมาดูลาดเลาและก่อเหตุลักษณ์นี้อีก ส่วนโทรศัพท์มือถือที่ลักขโมยมาในครั้งนี้ได้นำไปขายแล้วนำเงินไปซื้อรถจักรยานยนต์ คันดังกล่าวมาไว้ใช้ และโทรศัพท์บางเครื่องพังใช้ไม่ได้ก็โยนทิ้งไปข้างทางระหว่างเดินทางไปจังหวัดเพชรบูรณ์เพื่อหลบซ่อนตัว แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.บ่อวิน ติดตามไปจับกุมตัวได้ถึงจังหวัดเพชรบูรณ์แล้วนำตัวกลับมาดำเนินคดี
ด้านนายณัฐวุฒิ ธนาดล ผู้เสียหาย และเป็นตัวแทนทางผู้เสียหาย ได้กล่าวขอบคุณ พ.ต.อ.ปพนพัชร์ ใบยา ผกก.สภ.บ่อวิน และขอชื่นชมการทำงานของทางเจ้าหน้าที่ สภ.บ่อวิน ทุกนายในการเร่งรัดติดตามตัวคนร้ายข้ามจังหวัดกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความอุ่นใจในการทำงานของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อวิน ทุกนาย หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน รวมถึงภาพจากกล้องวงจนปิด เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี ก่อนจะส่งตัวคนร้ายทั้ง 2 คน ไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
|
|
|