ครอบครัว “เหล่าพิพัฒนา” บริจาคเงิน 1.2 ล้านบาท สมทบสร้างอาคารศูนย์รักษาพยาบาลรวมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ๑๕๐ ปี รพ.สมเด็จ ฯ ณ ศรีราชา ที่ยังขาดแคลนทุนทรัพย์ ในวันดีของ “คุณแม่ละเอียด และเป็นโรงพยาบาลเกิดของ ดร.” เพื่อแบ่งปันกลับคืนให้สังคม และชุมชน
วันนี้(22 มี.ค. 2561) ที่ห้องประชุมชั้น2 ตึงศรีสังวาล โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา นางละเอียด เหล่าพิพัฒนา อายุ 72 ปี พร้อมด้วย ดร.ไข่มุก เหล่าพิพัฒนา บุตรสาว และครอบครัวเหล่าพิพัฒนา ได้เดินทางมามอบเช็คเงินจำนวน 1.2 ล้านบาท แก่นายแพทย์สมยศ โล่ห์จินดาพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ตัวแทนรับมอบ เพื่อสมทบทุนสร้าง อาคารศูนย์รักษาพยาบาลรวมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ๑๕๐ ปี โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย
ดร.ไข่มุก กล่าวว่า ทางครอบครัวให้ความสำคัญในการก่อสร้างอาคารศูนย์รักษาพยาบาลรวมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ๑๕๐ ปี โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย เนื่องจากผู้ป่วยต้องยังต้องการสถานที่ในการรักษาพยาบาลอีกมาย และที่สำคัญตนเกิดที่โรงพยาบาลแห่งนี้ จึงมีความผูกพัน และเคยพูดคุยกับคุณแม่ตลอดที่ผ่านมาว่าทางครอบครัวต้องการจะช่วยเหลือทางโรงพยาบาล แต่ยังไม่มีความพร้อม แต่ในวันนี้ครอบครัวเรามีความพร้อมแล้ว จึงคิดแบ่งปันและช่วยเหลือในจุดนี้
และที่สำคัญในวันนี้เป็นปีที่นางละเอียด(มารดา) อายุครบ 72 ปีด้วย ครอบครัวที่มีความพร้อมแล้วตามที่ตั้งใจไว้จึงได้มาร่วมบริจาคเงินมอบเงินจำนวน 1.2 ล้านบาท ให้แก่โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา เพื่อสมทบทุนสร้างอาคารดังกล่าว และเป็นของขวัญวัดเกิดให้กับคุณแม่ละเอียดได้มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ทำให้คุณแม่รู้สึกดีใจมากที่ได้มาร่วมบุญในครั้งนี้ เพื่อแบ่งปันกลับให้สังคม และชุมชน ต่อไป “ดร.ไข่มุก กล่าว”
อนึ่ง อาคารดังกล่าวได้รับพระราชทานชื่อว่า “อาคารศรีสวรินทิรานุสรณ์ 150 ปี” ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเสด็จมาเยี่ยมชมโรงพยาบาลฯ และพบว่า มีสภาพแออัดมาก จึงมีโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อให้เป็นศูนย์รักษาพยาบาลรวมแห่งภาคตะวันออกในอำเภอศรีราชา ซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่สูง 26 ชั้น ในเนื้อที่ประมาณ 158,426 ตารางเมตร ซึ่งสามารถให้บริการผู้ป่วยนอกมากกว่า 8,000 คนต่อวัน และมีเตียงรับผู้ป่วย 745 เตียง โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างกว่า 5,000 ล้านบาท ในระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 6 ปี (พ.ศ.2558-2563) ซึ่งได้รับงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาลมาส่วนหนึ่ง แต่ยังขาดแคลนทุนทรัพย์ในขณะนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาท