
|
กรมทางหลวง สรุปผลการศึกษาเพิ่มด่านฯ เข้า-ออก เชื่อมต่อ อ.ศรีราชา มอเตอร์เวย์ ช่วงกรุงเทพฯ – ชลบุรี – พัทยา เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งรองรับพื้นที่ EEC
เมื่อระหว่างวันที่ 28-29 มกราคม 2563 กรมทางหลวง ได้จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน (ครั้งที่ 2) เพื่อชี้แจงข้อมูล และผลการศึกษา งานออกแบบรายละเอียด ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และดำเนินงานการมีส่วนร่วมของประชาชน โครงการก่อสร้างด่านเก็บเงินค่าธรรมเนียมผ่านทางบริเวณ กม.93 บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 เพื่อใช้เป็นทางเข้าและทางออกเสริมในช่วงระหว่างทางแยกต่างระดับบางพระ (คีรี) ถึง ทางแยกต่างระดับหนองขามบนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 พร้อมรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน โดยมีผู้แทนทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน สถาบันการศึกษา ตลอดจนผู้แทนภาคประชาชนในพื้นที่ จ.ชลบุรี เข้าร่วมการประชุม
โดยการประชุมครั้งนี้ กรมทางหลวง ได้ศึกษาพื้นที่บริเวณศูนย์บริการทางหลวงศรีราชา กม.93 เพื่อใช้เป็นทางเข้า-ทางออกเสริมในช่วงระหว่างทางแยกต่างระดับบางพระ(คีรี) ถึงทางแยกต่างระดับหนองขาม สำหรับให้ประชาชน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี สามารถเข้าใช้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ได้ โดยเชื่อมต่อผ่านทางหลวงหมายเลข 3701 และ 3702 และทางหลวงหมายเลข 3241 สายศรีราชา-หนองค้อ เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการเดินทาง รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ตามปริมาณจราจรที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการผลักดันพื้นที่ภาคตะวันออกให้เป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) โดยมีรายละเอียดการออกแบบก่อสร้างด่านฯ ทั้ง 2 ทิศทาง ดังนี้
1.ด่านเก็บเงินฯ ขาออก ทิศทาง กรุงเทพฯ ไป อ.ศรีราชา (ทล.3701) ผู้ใช้ทางสามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ และอำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี เพื่อออกจากระบบที่ด่านเก็บเงินฯ ศรีราชา ชาออก เพื่อมุ่งหน้าไปยังทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3701 อำเภอศรีราชา บ้านมาบเอียง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง มีช่องเก็บเงินค่าธรรมเนียมผ่านทาง 5 ช่อง แบ่งเป็นช่องอัตโนมัติ (ETC) 1 ช่อง และช่องธรรมดา 4 ช่อง สามารถรองรับปริมาณจราจรในอนาคต ปี 2585 ได้มากถึง 12,320 คันต่อวัน
2.ด่านเก็บเงินฯ ขาเข้า ทิศทาง อ.ศรีราชา ไป กรุงเทพฯ (ทล.3702) ผู้ใช้ทางสามารถเดินทางจากอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3702 และหนองขาม เพื่อเข้าสู่ระบบที่ด่านเก็บเงินฯ ศรีราชา ขาเข้า เพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงเทพฯ รวมถึงอำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี มีช่องเก็บเงินค่าธรรมเนียมผ่านทาง 4 ช่อง แบ่งเป็นช่องอัตโนมัติ (ETC) 1 ช่อง และช่องธรรมดา 3 ช่อง สามารถรองรับปริมาณจราจรในอนาคต ปี 2585 ได้มากถึง 7,030 คันต่อวัน
นอกจากนี้ เพื่อให้การพัฒนาโครงการส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนให้น้อยที่สุด กรมทางหลวง จึงได้กำหนดมาตรการป้องกัน แก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทั้งช่วงระยะเตรียมการก่อสร้าง และระยะก่อสร้าง โดยแบ่งได้ดังนี้
1.ด้านทรัพยากรดิน เช่น การกำหนดฤดูกาลในการก่อสร้างปรับพื้นที่เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการชะล้างพังทลายของดินในช่วงฤดูฝน, การตรวจสอบเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและการรั่วไหลของน้ำมันจากเครื่องยนต์ลงสู่พื้นดิน
2.ด้านคุณภาพน้ำผิวดิน เช่น การวางแผนเปิดหน้าดินในช่วงฤดูแล้งเพื่อป้องกันการชะล้างหน้าดินลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ, กำหนดพื้นที่วางกองวัสดุก่อสร้างต่างๆ ให้อยู่ห่างจากแหล่งน้ำเพื่อป้องกันวัสดุก่อสร้างต่างๆ ไหลลงแหล่งน้ำ
3.ด้านคุณภาพอากาศ เช่น จำกัดความเร็วของรถโครงการเมื่อต้องวิ่งผ่านพื้นที่ชุมชน เพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองและป้องกันอุบัติเหตุ รวมทั้งฉีดพรมน้ำในระหว่างการก่อสร้างเพื่อควบคุมฝุ่นละออง
4.ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เช่น ก่อนการก่อสร้างกำหนดให้ผู้รับเหมาก่อสร้าง ต้องแจ้งหน่วยงานส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ให้ทราบล่วงหน้า และกำหนดระยะเวลาดำเนินกิจกรรมก่อสร้างที่อาจก่อให้เกิดเสียงดังและความสั่นสะเทือนเพื่อให้กระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด
5.ด้านการควบคุมน้ำท่วมและการระบายน้ำ เช่น กำหนดพื้นที่วางวัสดุก่อสร้าง ระมัดระวังไม่ให้มีการร่วงหล่นลงไปในท่อระบายน้ำเดิม เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมเนื่องจากท่อระบายน้ำอุดตัน
6.ด้านการคมนาคมขนส่งและผู้ใช้ทาง เช่น ควบคุมรถขนส่งวัสดุก่อสร้างไม่ให้บรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด เพื่อป้องกันถนนชำรุดเสียหาย ใช้ผ้าคลุมปิดท้ายรถบรรทุกวัสดุก่อสร้างทุกคันเพื่อป้องกันวัสดุก่อสร้างตกหล่น และในกรณีที่การก่อสร้างโครงการก่อให้เกิดความเสียหายต่อเส้นทางจราจร ผู้รับเหมาจะต้องรีบดำเนินการซ่อมแซมให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ
ภายในงานประชาชนที่เข้าร่วมการประชุมได้ร่วมแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลายประเด็นโดยส่วนใหญ่ค่อนข้างเห็นด้วยกับการก่อสร้างโครงการบริเวณดังกล่าว เพราะจะทำให้ประชาชนพื้นที่ใน อ.ศรีราชา ได้รับความสะดวก รวดเร็ว ในการเดินทาง แต่ก็อยากให้กรมทางหลวงคำนึงเกี่ยวกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่อาจตามมาทั้งระหว่างการก่อสร้างและเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ ซึ่งทีมงานที่ปรึกษาโครงการฯ ได้ชี้แจงว่าจะนำความคิดเห็นทั้งหมดที่ได้รับจากประชุมครั้งนี้มาปรับปรุงมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ครอบคลุมถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการต่อไป
ซึ่งภายหลังการประชุมครั้งนี้ กรมทางหลวง จะรวบรวมข้อมูลความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนมาพิจารณาประกอบสรุปผลการศึกษาของโครงการต่อไป โดยผู้สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าและรายละเอียดของโครงการฯ ได้ที่กองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง Call Center 1586 กด 7 หรือ www.sriracha-tollplaza.com
|