เด็กหญิงชั้น ม.1 รร.เทศบาลบ้านศรีมหาราชา เขียนจดหมายถึง “นายอำเภอศรีราชา” ขอความช่วยเหลือ หลังพ่อป่วยหนักและตาบอด 2 ข้าง ต้องรักษาด้วยการล้างไตโดยด่วน แต่ไม่มีค่ารักษา ด้านนายอำเภอทราบเรื่อง รีบประสานทุกหน่วยงานให้การช่วยเหลือ เพราะเป็นเด็กดีและมีความกตัญญู…..
จากกรณีเด็กหญิงณัฐมน ใจกาศ อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 โรงเรียนเทศบาลบ้านศรีมหาราชา ได้เขียนจดหมายตรงถึง นายวรญาณ บุญณราช นายอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี โดยระบุว่า ตนอยู่กับบิดาและน้องชายอายุ 6 ขวบ ส่วนแม่ได้แยกทางกับพ่อตั้งแต่หนูเล็กๆ แต่ขณะนี้บิดาป่วยหนักด้วยโรคไตและตาบอดทั้ง 2 ข้าง โดยจะต้องทำการฟอกไตโดยด่วนทางด้านหน้าท้อง เนื่องจากอาการเริ่มทรุดหนัก นอกจากนั้นหากต้องมาดูแลบิดาในช่วงฟอกไตแล้ว ตนและน้องชายจะไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะต้องดูแลบิดาตลอดเวลาและไม่มีใครส่งน้องไปโรงเรียน ดังนั้นจึงได้เขียนจดหมาย เพื่อขอความช่วยเหลือจากนายอำเภอศรีราชา.....
ล่าสุดวันนี้ (20 ก.ย. 2559) นายวรญาณ บุญณราช นายอำเภอศรีราชา หลังได้รับจดหมายแล้ว จึงได้รีบประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทยอำเภอศรีราชา โรงเรียนเทศบาลบ้านศรีมหาราชาต้นสังกัดที่เด็กหญิงศึกษาอยู่ พร้อม คุณอัญชลี บุญณราช นายกกิ่งกาชาดอำเภอศรีราชา และสมาชิกกาชาดอำเภอศรีราชา มาร่วมวางแนวทางในการช่วยเหลือครั้งนี้ เนื่องจากทราบถึงความเดือดร้อนและความต้องการของครอบครัวนี้…..
นาย วรญาณ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ประสานและพูดคุยกับโรงพยาบาลสมเด็จ ฯ ในกรณีพิเศษ เพราะหากล้างไต ที่บริเวณหน้าท้อง จะต้องมีญาติพี่น้องคอยดูแลตลอดทั้งวัน เพราะการล้างไตที่บริเวณหน้าท้องจะต้องล้างทุกๆ 6 ชั่วโมง รวมแล้ว 4 ครั้งต่อวัน และต้องคอยดูแลเป็นพิเศษเพราะหวั่นติดเชื้อ แต่เนื่องจากครอบครัวนี้ไม่ญาติพี่น้อง โดยเช่าห้องพักอยู่ซอยโปลิศ หมู่2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา ด้วยกัน 3 คน คือนายศุภฤกษ์ รุ่งระวี อายุ 43 ปี (บิดา) เด็กหญิงณัฐมน ใจกาศ อายุ 13 ปี และเด็กชายเจ้านาย ใจกาศ อายุ 6 ขวบ ซึ่งเด็กทั้ง 2 ยังเด็กมากและเรียนหนังสืออยู่ ดังนั้นต้องการให้ทางโรงพยาบาลฯ ช่วยเหลือ โดยวิธีใช้เครื่องล้างไต ซึ่งจะไม่ยุ่งยากและเด็กสามารถเรียนหนังสือได้ตามปกติ และสำหรับเรื่องการเรียนของเด็กทั้ง 2 คน ไม่น่ามีปัญหา เพราะพื้นที่อำเภอศรีราชา มีกองทุนให้ความช่วยเหลือหลายกองทุน ทั้งหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน และขณะนี้ทางโรงเรียนได้ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี โดยเป็นห่วงแต่ผู้เป็นพ่อเท่านั้น ที่ต้องดูแลรักษา แต่เนื่องจากขั้นตอนการล้างไตนั้น มีหลายขั้นตอน จึงต้องขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลสมเด็จฯ เป็นกรณีพิเศษ ส่วนทางโรงเรียนทราบว่าด้านอาจารย์ได้ให้การช่วยเหลือไปบ้างแล้วทั้งด้านอาหารกลางวันและทุนที่ได้รับ แต่ต้องมีการมาปรึกษาเพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือระยะยาว.....
ด้านนางยุพิน ปริยัติดุลภาค เจ้าหน้าที่พยาบาลศูนย์ผู้ป่วยไต โรงพยาบาลสมเด็จฯ กล่าวว่า กรณีการล้างด้วยเครื่องฯนั้นมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและมีผู้ป่วยรอคิวเป็นจำนวนมาก ดังนั้นกรณีที่นายอำเภอศรีราชา ขอความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งจะต้องปรึกษาหารือกับแพทย์ประจำศูนย์ผู้ป่วยไตอีกครั้ง แต่ก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะกรณีนี้เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากผู้ป่วยมีความพิการทางสายตาทั้ง 2 ข้าง นอกจากนั้นยังไม่มีญาติมาคอยดูแลด้วย ดังนั้นเมื่อพิจารณาและเข้าเกณฑ์การล้างด้วยเครื่องฟอกไต ก็ไม่น่าจะมีปัญหาก็พร้อมจะดำเนินการได้ในทันที…..
นายศุภฤกษ์ (บิดา)เด็กหญิงณัฐมน กล่าวว่า ขณะนี้อาการของตนเริ่มทรุดหนักมากกว่าเดิม และทุกวันนี้ไม่สามารถที่จะนอนราบกับพื้นหลับได้ตามปกติ โดยจะต้องนั่งหลับเท่านั้นถ้าหากนอนจะแน่นและหายใจไม่ออก นอกจากนั้นก็ไม่สามารถกินข้าวได้ โดยกินได้แต่เพียงนมกับโอวัลติลเท่านั้น เพราะถ้ากินข้าวก็จะอาเจียนออกมาทันที และที่พึ่งสุดท้าย ที่ลูกสาวเขียนจดหมายถึงนายอำเภอศรีราชา เพราะตนไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว มีเพียงเงินช่วยเหลือคนพิการ เดือนละ 800 บาท พร้อมกับได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านบริเวณห้องเช่าซอยโปลิศ หมู่2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา และทางโรงเรียนที่ทราบเรื่องภายในครอบครัว จึงพยายามหาทางช่วยเหลือด้านอาหารกลางวัน ด้านทุนการศึกษา และเสื้อผ้าจากคณะอาจารย์ สำหรับตนนั้น คงจะอยู่ได้อีกไม่นาน เพราะป่วยหลายโรค เช่น ความดัน โรคเบาหวานจนทำให้ตาบอด และขณะนี้เป็นโรคไต ซึ่งที่ห่วงก็คือลูกสาวและลูกชายเท่านั้น ที่อยากต้องการให้มีความรู้ เพื่อดูแลตัวเองได้ในอนาคตหากตนเองจากไปแล้ว.....
ทั้งนี้ หากผู้ใจบุญต้องการที่จะช่วยเหลือครอบครัวเด็กหญิงณัฐมน ใจกาศ ก็สามารถช่วยเหลือได้ทางบัญชีของ ธนาคารออมสิน สาขาศรีราชา เลขที่บัญชี 020113120248 ด.ญ.ณัฐมน ใจกาศ หรือ โทร 085-8138171 ได้.....