พ่วงบรรทุกตู้สินค้าขับมาเจอรถจักรยานยนต์ขับส่ายไปมาเลนส์ขวาแล้วเสียหลักล้มกลางถนน คนซ้อนท้ายกลิ้งมาหารถกระชั้นชิดรถพ่วงเบรกไม่ทันเหยียบคนซ้อนดับ ส่วนคนขับรถจักรยานยนต์ลุกขึ้นได้คว้ารถขึ้นได้ขับย้อนศรหนีหายไป
เมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. วันที่ 31 ต.ค. 2560 พ.ต.ท.สุภกิจ กองาม สารวัตรหน่วยสอบสวนย่อยทางหลวงเขาเขียว จังหวัดชลบุรี ได้รับแจ้งจากหน่วยกู้ภัยสว่างประทีป ศรีราชา ว่ามีเหตุรถพ่วงเหยียบคนซ้อนท้ายตกจากรถจักรยานยนต์เสียชีวิตเส้นทางมอเตอร์เวย์ 7 ตอน 3 หลัก กม.ที่ 7-200 ฝั่งขาเข้าแหลมฉบัง จึงรีบรุดไปร่วมตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย นอนเสียชีวิตอยู่กลางถนนสภาพร่างกายท่อนบนแหลกเศษชิ้นเนื้อกระจัดกระจายทั่วเป็นที่น่าสยดสยอง ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร พบรถพ่วงบรรทุกตู้สินค้ายี่ห้อฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียนส่วนหัว 61 – 8743 กทม. ส่วนหางหมายเลขทะเบียน 61 – 3906 กทม. จอดอยู่ข้างทาง มีนายนพดลย์ สุขไมล์ อายุ 43 ปี คนขับยืนรอเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่อยู่ข้างรถ โดยบริเวณช่วงล้อหลังของพ่วงฝั่งขวาพบท่อนล่างของผู้เสียชีวิตติดคาอยู่ใต้ล้อรถ ทางเจ้าหน้าที่จึงให้หน่วยกู้ภัยนำส่วนท่อนล่างออกมาจากใต้ล้อแล้วนำไปรวมกับท่อนส่วนบนพร้อมกับเก็บเศษเนื้อและชิ้นส่วนอวัยวะของผู้เสียชีวิตที่เกลื่อนกลานอยู่บนถนเป็นการด่วนเพื่อไม่ให้อุจาดสายตารถที่วิ่งผ่าน และพบหมวกกันน๊อคสีดำ 1 ใบ กระจกรถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อตกอยู่ 1 ข้าง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐานในการตรวจสอบ
นายนพดลย์ คนขับพ่วงให้การว่า ตนเองไปรับตู้จากนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในตำบลบ่อวินเพื่อมาลงตู้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง และได้ขับมาในเลนซ้ายสุด พอมาถึงที่เกิดเหตุตนมองกระจกข้างเห็นรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุซ้อนมาสองคนขี่เซไปเซมาในช่องเลนขวาสุด ก่อนจะโยกเข้ามาที่ล้อรถด้านหลังแล้วพลิกคว่ำ ตนก็เลยพยายามจะจอดเข้าข้างทางโดยที่ไม่รู้ว่ารถตนได้ทับคนมาด้วย พอจอดก็เห็นคนขี่รถจักรยานยนต์รีบยกรถจักรยานยนต์แล้วรีบขี่ย้อนศรหลบหนีไป ตนลงมาดูที่รถก็พบว่ามีร่างส่วนขาติดอยู่ที่ล้อรถด้านหลัง และเห็นเศษเลือดกระจายเต็มพื้น จึงรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้มีการบันทึกภาพที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบพร้อมมอบศพให้หน่วยกู้ภัยส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลแหลมฉบังเพื่อรอญาติมาติดต่อ และเชิญตัวคนขับรถพ่วงไปสอบสวนเพิ่มเติมก่อนจะเร่งติดตามตัวคนขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาทำการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุที่แน่ชัดต่อไป